ข่าว

กรมการขนส่งทางบก แจงประเด็นการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน เผยแนวทางลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเพื่อความปลอดภัย

กรมการขนส่งทางบก ดำเนินการตามมาตรการความปลอดภัยทางถนนเพื่อเป้าหมายลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนต่ำกว่า 10 คน ต่อประชากรหนึ่งแสนคนในปี 2563 ภายใต้มาตรการด้านการบริหารจัดการ ที่มีประสิทธิภาพ อาทิ การดำเนินการจัดระเบียบรถตู้โดยสารประจำทางในส่วนกลางต้องเข้าใช้สถานีขนส่งผู้โดยสาร และขยายผลไปยังส่วนภูมิภาค, โครงการมั่นใจทั่วไทย รถใช้ GPS ที่กำหนดให้รถโดยสารและรถบรรทุกทุกคัน ต้องติดตั้งระบบ GPS Tracking ให้ครบถ้วนภายในปี 2562

การจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อตรวจสอบข้อมูลการกระทำความผิดและแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการขนส่งเพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับรถที่ไม่เหมาะสม, มีระบบการรายงานผลการตรวจสภาพรถของสถานตรวจสภาพรถเอกชนแบบ online และการตรวจทดสอบระบบก๊าซเชื้อเพลิงของรถยนต์แบบออนไลน์ เพื่อควบคุม กำกับดูแล สถานตรวจสภาพรถเอกชน จัดหาเครื่องตรวจสภาพรถประมวลผลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ , ดำเนินมาตรการตรวจเข้มข้นรถโดยสารสาธารณะ Check คน  Check รถ  Checking Point จัดตั้งจุดบริการประชาชนบริเวณที่เป็นจุดเสี่ยง จุดอันตรายและเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งตามโครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน กำหนดให้หน่วยงานในสังกัด จัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสำคัญ พร้อมเฝ้าระวังและติดตามรถที่กระทำความผิดตลอด 24 ชั่วโมง ในเรื่องการใช้ความเร็วเกิน พนักงานขับรถมีชั่วโมงทำงานเกินกฎหมายกำหนด การใช้ใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้อง

มาตรการคนปลอดภัย เข้มงวดตรวจสอบพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ ปริมาณแอลกอฮอล์ต้องเป็น 0 , ล่าสุดเตรียมยกระดับคุณภาพผู้ขับรถด้วยการปรับปรุงมาตรฐานการอบรมและทดสอบผู้ข้อรับใบอนุญาตขับรถทุกประเภท เน้นความเข้าใจและวิเคราะห์สถานการณ์ความเสี่ยง นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมและโครงการส่งเสริมความปลอดภัยต่าง ๆ อาทิ โครงการปลูกฝังเด็กไทยใส่ใจวินัยจราจร โครงการสนามจราจรเยาวชนเสริมสร้างจิตสำนึกความปลอดภัย  โครงการนักเรียนรุ่นใหม่มีใบขับขี่ ฯลฯ

 มาตรการรถปลอดภัย กำหนดให้รถโดยสารสาธารณะตรวจสภาพ  ปีละ ๒ ครั้ง รวมทั้งผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถโดยสารสาธารณะ ต้องจัดให้มีการตรวจความพร้อมรถโดยสารและพนักงานขับรถตาม Checklist ก่อนนำรถออกปฏิบัติงาน และควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยในการขนส่งตู้บรรทุกสินค้าที่เหมาะสม กำหนดมาตรฐานอุปกรณ์ยึดตู้บรรทุกสินค้าของรถบรรทุก รถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ต้องมีและยึดอุปกรณ์บรรทุกสินค้า (Twist Lock) กับตู้บรรทุกสินค้าตลอดระยะเวลาในการขนส่งสินค้า

มาตรการด้านกฎหมาย อาทิ การกำหนดการจัดวางที่นั่งสำหรับรถตู้โดยสารสาธารณะต้องไม่เกิน 13 ที่นั่ง มีทางออกฉุกเฉินด้านท้ายและสามารถเปิดออกจากตัวรถได้ ตามประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การจัดวางที่นั่งรถตู้โดยสารสาธารณะ ตามมาตรการเพิ่มความปลอดภัยในรถโดยสารสาธารณะ พ.ศ.2560 กำหนดประเภทผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่ง และหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขการจัดให้มีสมุดประจำรถ ประวัติผู้ประจำรถ การตรวจสอบสภาพและความพร้อมของรถและผู้ขับรถ และรายงานอุบัติเหตุที่เกิดจากการขนส่ง ,กำหนดประเภทรถ (รถโดยสารไม่ประจำทาง) และวงเงินที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งหรือเจ้าของรถต้องจัดทำประกันภัยเพิ่มเติมจากกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือประกันภาคสมัครใจ

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเรื่องมาตรฐานเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบของรถให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบก กำหนดให้มีการปรับลดความสูงของตัวรถสำหรับรถโดยสารชั้นเดียวจากเดิม 4 เมตร เป็นไม่เกิน 3.8 เมตร และรถโดยสารสองชั้นจากเดิม 4.3 เมตร เป็นไม่เกิน 4 เมตร กำหนดให้รถโดยสารติดตั้งเครื่องดับเพลิงอย่างน้อยชั้นละ 2 เครื่อง กำหนดให้รถโดยสารติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง กำหนดให้รถโดยสารที่มีความสูงตั้งแต่ 3.6 เมตรขึ้นไป ต้องผ่านการทดสอบการทรงตัวไม่น้อยกว่า 30 องศา กำหนดมาตรฐานประตูทางขึ้น – ลง และประตูฉุกเฉิน สำหรับรถโดยสาร กำหนดการติดตั้งกระจกนิรภัยประเภทเทมเปอร์เพื่อใช้เป็นทางออกฉุกเฉิน และต้องติดตั้งค้อนทุบกระจก ในรถโดยสาร ทั้งนี้เตรียมกำหนดมาตรฐานรถโดยสารตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกที่มีความสูงตั้งแต่ 3.60 เมตรขึ้นไป ต้องผ่านการทดสอบการพลิกคว่ำ โดย Rollover Test กำหนดให้ที่นั่งผู้โดยสาร จุดยึดที่นั่ง และจุดยึดเข็มขัดนิรภัย

ต้องผ่านการทดสอบความแข็งแรง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2563  ส่วนการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยด้านอัคคีภัยของวัสดุตกแต่งภายในรถโดยสาร เช่น ผ้าม่าน ผ้าหุ้มเบาะ พื้นรถ เป็นต้น ต้องผ่านการทดสอบคุณสมบัติด้านการลุกไหม้ และการลามไฟ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563  ซึ่งเชื่อมั่นว่าหากผู้ประกอบการขนส่งและพนักงานขับรถให้ความร่วมมือ ตระหนักถึงบทบาท หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน จะเป็นการร่วมกันยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

 

ขอบคุณข่าวสารจาก : กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News

Most Popular

To Top