ข่าว

กรมสรรพสามิต จ่อเก็บภาษี ‘บิ๊กไบค์’ เพิ่มคันละ 1 แสนบาท เริ่ม 1 ม.ค.63

กรมสรรพสามิต เตรียมเก็บภาษีรถจักรยานยนต์รูปแบบใหม่ต้นปี 2563 บิ๊กไบค์อ่วม หากไม่ปรับมาใช้เครื่องยนต์เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน อาจต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นคันละเป็นแสนบาท ยิ่งปล่อยมลพิษสูง ยิ่งต้องเสียภาษีมาก

นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการเก็บภาษีสรรพสามิตรถจักรยานยนต์รูปแบบใหม่ จากเดิมเก็บตามขนาดเครื่องยนต์ มาเป็นตามการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนพัฒนาเครื่องยนต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยประหยัดพลังงานและลดปัญหามลพิษ รวมถึงปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่อยู่ในขณะนี้ด้วย ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาได้เห็นชอบเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว แต่เมื่อมี ครม. จากรัฐบาลใหม่ กรมสรรพสามิต จึงเสนอให้รับทราบอีกครั้ง โดยภาษีใหม่จะเริ่มเก็บกับรถที่นำออกจากโรงงานหรือนำเข้ามาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2563 เป็นต้นไป

อัตราภาษีรถจักรยานยนต์ใหม่จะทำให้รถจักรยานยนต์ขนาดไม่เกิน 150 ซีซี.ที่ใช้เป็นส่วนใหญ่ 90% ของรถทั้งหมดในประเทศ มีภาษีเพิ่มขึ้นคันละประมาณ100กว่าบาทเท่านั้นเพราะจากเดิมเสียภาษีในอัตรา2.5%ของราคาหน้าโรงงาน มาเสียภาษี3%ของราคาขายปลีกหรือราคานำเข้า

ส่วนรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่เครื่องยนต์เกิน 1,000 ซีซี. ขึ้นไป หรือที่เรียกว่า “บิ๊กไบค์” ซึ่งมีราคาแพงคันละกว่า 1 ล้านบาท บางค่ายอาจต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นคันละเป็นแสนบาท แต่บางค่ายก็อาจเสียภาษีน้อยลงคันละเป็นหลักแสนบาทเช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ใช้ หากเป็นเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน ปล่อยมลพิษน้อย ก็เสียภาษีน้อยลง แต่หากปล่อยมลพิษมากก็ต้องเสียภาษีมาก เนื่องจากเป็นการเก็บภาษีแบบอัตราก้าวหน้า

ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก ประเทศไทยมียอดการจดทะเบียนบิ๊กไบค์เพิ่มขึ้นทุกปี ขนาด 250-400 ซีซี  มีมากกว่า 80,000 คัน ส่วนขนาด 400 ซีซีขึ้นไป มีมากกว่า 110,000 กว่าคัน สำหรับอัตราการจัดเก็บภาษีรถจักรยานยนต์รูปแบบใหม่ มีตั้งแต่ 3%, 5%, 9% และ 18% ตามการปล่อย CO2 โดยหากผู้ประกอบการไม่มีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีให้ปล่อย CO2 ลดลง จะทำให้กรมสรรพสามิตเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นปี 500-700 ล้านบาท

Most Popular

To Top