รีวิวรถ

ASTON MARTIN DB11 Volante 2019

 

สปอร์ตเปิดประทุนที่สุดหรูหรากับบริบทใหม่ที่หลายคนรอคอยกับ ASTON MARTIN DB11 Volante กับมาตรฐานใหม่ ทั้งในเรื่องของสมรรถนะ นวัตกรรม เครื่องยนต์ และการออกแบบในเรื่องของการเปิดปิดประทุน

ขุมพลัง 4.0 ลิตรทวินเทอร์โบ 510 แรงม้า V8 บนโครงสร้างที่เป็นอลูมิเนียม ที่ให้น้ำหนักที่เบา แต่แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม ที่ผ่านการออกแบบมาให้มีสมรรถนะที่ดีมากขึ้น ทรงประสิทธิภาพและระบบการจัดการที่สมบูรณ์แบบบให้สมกับบุคลิกของความเป็น ASTON MARTIN DB11 Volante ในขณะที่มีการปรับแต่งที่เพิ่มขึ้น ความสะดวกสบาย และพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่ผ่านการออกแบบให้เป็นการเดินทางที่ยอดเยี่ยม

ระบบขับเคลื่อนที่มีให้เลือกถึง 3 โหมด กับการทำงานแบบผสมผสานอย่างกลมกลืนได้ลงตัวกับการส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดพร้อมพาวเวอร์ชิพ พวงมาลัยไฟฟ้า และระบบป้องกันการลื่นไถลด้วยระบบ dynamic torque vectoring ที่ผู้ขับขี่สามารถกำหนดค่าการตอบสนองของรถรวมถึงการปรับพฤติกรรมของรถให้เหมาะกับการขับขี่ และสภาพภูมิอากาศ ความนุ่มนวลและการบังคับควบคุมที่ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่นและสนุกสนาน รวมถึงมีการติดตั้งจุดยึดล้อหลัง ISOFIX ซึ่งเป็นรุ่นแรกของ Volante เพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น

ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของ ASTON MARTIN DB11 Volante การออกแบบในเรื่องของวัสดุที่นำมาใช้ที่ดูดี ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเอาแผงไม้วีเนียร์ หรือการเลือกใช้คาร์บอนไฟเบอร์แบบใหม่บนหลังคา หรือการจะใช้ผ้าคลุมที่ออกแบบมาอย่างสวยงามที่มีให้เลือกทั้งสีแดงอมน้ำตาล เงินดำ เงินเทา ไฟท้ายแบบพิเศษที่ออกแบบมาให้ดูเหมือนใบมีด ที่บางเฉียบรูปตัว C และความโดดเด่นของวงล้ออัลลอย

แน่นอนว่า ASTON MARTIN DB11 Volante ให้ความใส่ใจในเรื่องของหลังคาเปิดประทุน ด้วยการเลือกใช้อุปกรณ์การดูดซับด้วยผ้าคลุมแบบวัสดุอะคูสติกและฉนวนกันความร้อนกับโครงหลังคา 8 ชั้นที่ช่วยในการดูดซับทั้งสภาพภูมิอากาศและเสียงรบกวน การเปิดและปิดประทุนของ ASTON MARTIN DB11 Volante ใช้เวลาเพียง 14 วินาทีในการเปิดประทุน และ 16 วินาทีในการปิด แน่นอนว่ายังสามารถที่จะควบคุมการเปิดปิดประทุนด้วยรีโมทสั่งงานในระยะไกลได้อีกด้วย รวมถึงการสั่งงานในความเร็วลมที่สูงถึง 31 ไมล์ต่อวินาที

ราคาของ ASTON MARTIN DB11 Volante ในช่วงแนะนำ 159,000  ปอนด์ในสหราชอาณาจักร 199,000 ยูโรในเยอรมนี และ 216,495 เหรียญในสหรัฐอเมริกา ซึ่งน่าจะส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้ในควอเตอร์แรกของปี 2018

Most Popular

To Top