รีวิวรถ

Premium Crossover MPV จาก Toyota Innova Crysta ปี 2017

ฉีกหนีจากรูปลักษณ์เก่าๆ ออกไปอย่างสิ้นเชิง กับการออกแบบทั้งภายนอกและภายในที่ต้องบอกว่า ดูดีขึ้นและหรูขึ้น สามารถสะกดทุกสายตาที่คุ้นเคยกับความเป็น Innova ให้เหลียวมองด้วยความสนเท่ห์ไม่น้อยทีเดียว กับเจ้า Innova  Crysta คันนี้

เพียงแค่ได้ฟังคอนเซ็ปต์การออกแบบในสไตล์ Living room like ความรู้สึกผ่อนคลายเสมือนนั่งอยู่ในบ้าน ก็ทำเอาทึ่งกับแนวคิดนี้แล้ว ด้วยความที่เป็น MPV ที่ดูโดดเด่น หรูแตกต่างไปจากรถ MPV ที่มีในตลาดบ้านเรา ความกว้างขวางภายในห้องโดยสารถือเป็นจุดเด่นรวมไปถึงจุดขายที่สามารถบอกให้กับลูกค้าได้อย่างไม่ต้องอายใคร

ในความหรูหราสง่างามของความเป็นรถ MPV ก่อเกิดจากปัจจัยหลักๆ ด้วยกัน 4 อย่าง โดยเริ่มจาก

INFINITE Exterior and Interior Design สุนทรียภาพแห่งดีไซน์ กับภาพลักษณ์ที่เหนือคำนิยาม บนความสมบูรณ์แบบที่เหนือจินตนาการ กับรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์กับเส้นสายที่ดูพริ้วไหวทั้งภายนอกและภายใน ดูได้จากชุดกระจังหน้าแบบโครเมี่ยมพร้อมสเกิร์ต ขนาบข้างซ้าย/ขวาด้วยชุดโคมไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมไฟ Daytime Running Light โดยมีไฟตัดหมอกที่ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างสะดวกสบายยามฝนตกหรือหมอกลงจัด ในส่วนของไฟท้ายออกแบบได้เรียบหรูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สว่างสดใสมองเห็นได้แต่ไกล กระจกมองข้างมาพร้อมไฟเลี้ยวและยังมีไฟ Welcome Light ช่วยให้ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารยามค่ำคืน เติมความหรูด้วยที่จับประตูแบบโครเมียม และอำนวยความสะดวกกับระบบช่วยปิดประตูท้าย สปอยเลอร์หลังมาพร้อมเสาอากาศแบบครีบฉลาม ล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารต้องบอกกันเลยว่า เปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นเดิมอย่างมาก ดูหรูหราและที่สำคัญเต็มไปด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่ต้องบอกว่าสุดล้ำ ไฟส่องสว่างในห้องโดยสารเป็นแบบซ่อนผ้า Premium illumination LED แผงควบคุมไฟในห้องโดยสารและเครื่องปรับอากาศเป็นแบบแยกส่วน พวงมาลัยกระชับควบคุมได้แม่นยำมาพร้อมปุ่มควบคุมสั่งการทุกระบบ มาตรวัดอ่านง่ายชัดเจนด้วยมาตรวัดแบบเรืองแสง Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID โดยมีหน้าจอสีแบบ TFT ช่วยให้การเปิดปิดประตูสะดวกสบายด้วยระบบ Smart Entry กับกุญแจ Smart Key

เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบ Captain Seat ที่มาพร้อมที่พักแขน ในขณะที่ด้านหนังของเบาะนั่งคู่หน้าจะมีโต๊ะแบบพับมาให้ Seat Back Table ในส่วนของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกยามขับขี่นั้น มีให้ตั้งแต่ระบบ Push Start ระบบควบคุมความเร็วคงที่  Cruise Control ระบบเอนเตอร์เทนเมนท์ภายในห้องโดยสารมีจอภาพขนาด 8 นิ้วแบบสัมผัสรองรับระบบ T-Connect สามารถเล่นได้ทั้ง DVD และระบบนำทาง Navigator มาพร้อมช่องต่อ USB ที่สามารถเชื่อมต่อความบันเทิงแบบเต็มรูปแบบ

INFINITE Convenience เป็นสิ่งที่สามารถให้คำตอบกับทุกความต้องการในไลฟ์สไตล์ที่เหนือกว่า ด้วยการออกแบบห้องโดยสารและพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง เบาะนั่งสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้อย่างอิสระลงตัว พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาดใหญ่ เบาะนั่งคนขับเป็นแบบไฟฟ้าปรับได้ 8 ทิศทาง ในส่วนของเบาะนั่งสามารถปรับได้ทั้งแบบ Privy Relaxed , Long Space , Rear Space รวมถึงระบบปรับเลื่อนที่นั่งด้านหน้า Easy Slide Front ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับเบาะนั่งแถวที่ 2 โดดเด่นด้วยระบบปรับพับเบาะจังหวะเดียว One Touch Tumble มีช่องเก็บของแบบ Cool Box

INFINITE Power เครื่องยนต์สำหรับรุ่นนี้เป็นแบบดีเซล 2.8 ลิตร GD EFFICIENT BOOST ตอบสนองต่อการขับขี่ได้เป็นอย่างดีด้วยกำลังสูงสุด 174 แรงม้าที่ 3,400 รอบ/นาที ในขณะทีแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 360 นิวตัน-เมตรที่ 1,200-3,400 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อม Sequential Shift และสามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ด้วย Drive Mode Switch หากต้องการความประหยัดก็เลือกใช้ Eco Mode และหากต้องการกำลังเต็มสมรรถนะก็เลือกใช้ Power Mode

สุดท้ายแล้ว INFINITE Safety ให้ความมั่นใจยามขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานไม่ว่าจะเป็นในส่วนของโครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA ที่เลือกใช้เหล็กกล้าแรงดึงสูงที่ให้ประสิทธิภาพในเรื่องของการดูดซับ และกระจายแรงกระแทกจากการชน ระบบเบรก ABS ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill-start Assist Control ที่ป้องกันการไหลตัวของรถขณะออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมการทรงตัว VSC และระบบ TRC กล้องมองหลังพร้อมฟังก์ชั่นการมองเห็นปรับเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ ระบบถุงลมนิรภัย7 จุด

มีให้เลือกด้วยกัน 3 รุ่นและ 4 สีให้เลือก White Pearl Crystal/Super White II/Silver Metalic/Attitude Black โดยจำหน่ายในราคา รุ่น 2.8 V เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,399,000 บาท รุ่น 2.8 G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,235,000 บาท และรุ่น 2.0 E เกียร์ธรรมดา ราคา 1,129,000 บาท

Most Popular

To Top